วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2556

เทควันโด

เยาวภา บุรพลชัย  (น้องวิว)

สาวเทควันโด เหรียญแรกในประวัติศาสตร์



ประเภทกีฬา          เทควันโด
เกิด                         6   กันยายน  2527  
จังหวัดเกิด
             จ.กรุงเทพ ฯ
รุ่นที่แข่งขัน           รุ่น  49   กิโลกรัม 
กีฬาโอลิมปิค         ค.ศ. 2004  ครั้งที่ 28   ( พ.ศ. 2547 ) กรุงเอเธนส์   ประเทศกรีซ
เหรียญรางวัล        เหรียญทองแดง    
         น้องวิว    
จบการศึกษาประถมปีที่ 6  ร.ร.เวฬุวนาราม   และจบชั้นมัธยมศึกษาที่ ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย  จ. นนทบุรี   ติดธงชาติครั้งแรกเมื่อการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์    ครั้งที่ 13  ผ่านดีกรีมีระดับมามากมาย   วันนี้แม้เธอจะไปไม่ถึงดวงดาวเพราะความไม่ชัดเจนในมาตรฐานการตัดสิน   แต่เธอคือ  คนปลุกกระแสความสนใจในเกมการแข่งขันเทควันโดให้ร้อนแรงขึ้น 
อายุปัจจุบัน    20   ปี     ข้อมูล   29  สิงหาคม 2547   อ.เสมา ผู้รวบรวม )




เหรียญรางวัล


คลิป ขณะน้องวิวประกวด มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2009





นักยกน้ำหนักไทย

ปวีณา ทองสุก

เหรียญทองที่ 2 ในเอเธนส์เกมส์




ประเภทกีฬา          ยกน้ำหนัก
เกิด 
                        18  เมษายน  2522  
จังหวัดเกิด
             จ.สุรินทร์
รุ่นที่แข่งขัน           รุ่น  75   กิโลกรัม 
กีฬาโอลิมปิค         ค.ศ. 2004  ครั้งที่ 28   ( พ.ศ. 2547 ) กรุงเอเธนส์   ประเทศกรีซ
เหรียญรางวัล        เหรียญทอง    
          ปวีณา (น้องไก่)  
จบจากวิทยาลัยพลศึกษาเชียงใหม่ เข้าวงการยก ลูกเหล็กเมื่ออายุ 14 ปี ติดทีมชาติได้รางวัลมากมาย  ส่วนกีฬาโอลิมปิคเป็นครั้งที่ 2 แล้ว  ซึ่งครั้งแรกของเธอเมื่อ 4 ปีที่แล้วเธอได้ที่ 7  เธอยอมรับว่ามีความกดดันสูงมาก  เพราะเธอเคยพลาดมาแล้ว เมื่อครั้งก่อนส่วนในปีนี้นักกีฬาหญิงที่มาด้วยกันอีก 3 คนได้รับเหรียญรางวัลไปหมดแล้วทั้ง 3 คนและคู่แข่งขันก็เป็นนักกีฬาที่แข็งแกร่งอีกด้วย  จึงเป็นความกดดันที่สูงมาก  แต่ด้วยสมาธิ  จิตใจที่แน่วแน่และความแข็งแกร่งของร่างกายทำให้เธอประสบผลสำเร็จนำความสุขใจมาสู่คนไทยทั้งชาติ  
อายุปัจจุบัน    25   ปี     ข้อมูล   22  สิงหาคม 2547   อ.เสมา ผู้รวบรวม )






มวยไทย



ประวัติส่วนตัว ของ บัวขาว ป.ประมุข นักมวยรุ่น เฟเธอร์เวท และไลท์เวท

ชื่อจริง : สมบัติ บัญชาเมฆ

วันเกิด : 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2525 (อายุ 27 ปี)

สถานที่เกิด : จังหวัดสุรินทร์

ส่วนสูง : 174 เซนติเมตร

น้ำหนัก : 70 กิโลกรัม

สถิติการชก : 407 ครั้ง ชนะ 357 ครั้ง แพ้ 45 ครั้ง เสมอ 5 ครั้ง

บัวขาว ป.ประมุข เป็นนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการการต่อสู้ระดับสากล โดยเฉพาะในทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่น เขาเป็นนักมวยไทยสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข ส่วนสูง 174เซนติเมตร น้ำหนัก 70 กิโลกรัม บัวขาวจัดเป็นหนึ่งในนักกีฬาอาชีพไทยที่ทำรายได้สูง โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากการชกมวยที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีผลงานการแสดงในภาพยนตร์ไทยเรื่องซามูไร อโยธยา

บัวขาวยังเคยได้รับเชิญในงานสัมมนาที่ประเทศฮ่องกงสำหรับการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย ณ วันที่ 19 และ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 โดยมี อลัน เอ็นกาลานี่ ให้การต้อนรับที่อิมแพคยิม และใน พ.ศ.2554 เขาได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการไทยไฟท์ ที่ประเทศไทย ในรุ่น 70 กก.

   ประวัติ

บัวขาวเกิดและเริ่มชีวิตอาชีพมวยไทย ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 8 ขวบ ที่จังหวัดสุรินทร์ เข้ากรุงเทพมาสังกัดค่ายมวย ป.ประมุข เมื่ออายุได้ 15 ปี บัวขาวได้รับเข็มขัดแชมป์มาครองเป็นจำนวนมากภายหลังเริ่มอาชีพมวยไทยที่กรุงเทพ ได้แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท แชมป์ประเทศไทยรุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท ในปี พ.ศ. 2545 บัวขาวชนะเลิศมวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยลุมพินี ชนะโคบายาชินักชกชาวญี่ปุ่น

พ.ศ. 2547 บัวขาวชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2004 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยชนะ จอห์น เวย์น พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย โคะฮิรุยมาคิ และมาซาโตะแชมป์เก่าชาวญี่ปุ่น และในปีต่อมา บัวขาวเกือบที่จะรักษาแชมป์รายการ เค-วัน ได้ โดยแพ้คะแนน แอนดี้ ซอเยอร์ ในนัดชิงชนะเลิศอย่างน่ากังขา

พ.ศ. 2549 บัวขาวเข้าชิงชนะเลิศรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และเป็นแชมป์ได้อีกครั้ง โดยเป็นนักมวยคนแรกในรายการนี้ที่ชนะเลิศสองสมัย

พ.ศ. 2550 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ ในวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2550 บัวขาวสามารถผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้ายโดยชนะคะแนน Nieky "The Natural" Holtzken นักชกชาวฮอลแลนด์

พ.ศ. 2551 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยบัวขาวแพ้น็อกให้กับ โยชิฮิโร่ ซาโตะ นักมวยชาวญี่ปุ่น แฟนมวยบางส่วนกังขาว่ามีการล้มมวยหรือไม่ แต่พิจารณาแล้วพบว่าบัวขาวแพ้น็อกจริงๆ ด้วยเข่าของซาโตะทำให้จุกและโดนหมัดฮุคเข้ากกหูสลบคาเวที เป็นความเสียใจของคนไทยครั้งหนึ่ง

พ.ศ. 2552 บัวขาวเข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ โดยคราวนี้สามารถเข้าถึงรอบ 4 คนสุดท้าย แต่ต้องมาแพ้คะแนนให้แอนดี้ ซาวเวอร์ คู่ปรับเก่าอย่างน่ากังขาอีกหน บัวขาวถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยากให้กรรมการชี้แจงผลการตัดสิน แฟนมวยเควันต่างพากันเห็นใจบัวขาวโดยมีหลักฐานคือผลโหวตนักสู้เค-วันแม็กซ์ของปีนี้ บัวขาวได้เป็นอันดับ 2 ด้อยกว่าเพียง จอร์จิโอ เปโตรเซียน แชมเปี้ยนรายการเควันปีนี้เท่านั้น

ใน พ.ศ. 2554 บัวขาวได้เข้าแข่งขันในรายการไทยไฟท์ โดยเขาเป็นฝ่ายชนะน็อค ไมเคิล พิซิเทโล่ ซึ่งเป็นนักมวยไทยชาวฝรั่งเศสในรอบรองชนะเลิศ และจะได้พบกับแฟร้งค์ จอร์จี้ จากประเทศออสเตรเลียในรอบชิงชนะเลิศที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ในวันที่ 18 ธันวาคม ของปีเดียวกันนี้


 






  เกียรติประวัติ

อดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่น 126 ปอนด์

อดีตแชมป์ประเทศไทย มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวท 126 ปอนด์

อดีตแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นไลท์เวท

แชมป์มวยไทยมาราธอน โตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ในพ.ศ. 2545

แชมป์ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2004 ในพ.ศ. 2547

รองแชมป์ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2005 ในพ.ศ. 2548

S1 ซูเปอร์เวลเธอร์เวท เวิลด์แชมเปี้ยน

WMC มิดเดิ้ลเวทเวิลด์แชมเปี้ยน

แชมป์ เค-วัน เวิลด์แมกซ์ 2006 ในพ.ศ. 2549





เปิดประวัติ บัวขาว ป.ประมุข นักชกไทยชื่อก้องโลก

กลับ มาผงาดอีกครั้งในศึก K-1 World Max 2009 พร้อมกับความคาดหวังที่จะซิวแชมป์สมัยที่ 3 เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้เวลานี้ชื่อของ "บัวขาว ป.ประมุข" นักชกไทยเจ้าสังเวียนมวย K-1ถูกพูดถึงกันอีกครั้ง โดยเฉพาะแฟนมวยชาวยุโรปและญี่ปุ่น นักชกไทยรายนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างดี และถือเป็นยอดมวยในดวงใจ ขนาดที่มีแฟนคลับคอยตามกรี๊ด และให้กำลังใจติดขอบเวทีทุกครั้งที่ขึ้นชก...แต่สำหรับคนไทย "บัวขาว" อาจยังเป็นที่รู้จักในวงจำกัด ว่าแล้วกระปุกดอทคอมก็ไม่พลาดขอพาไปทำความรู้จักเขากันค่ะ

บัวขาว ป. ประมุข หรือชื่อจริง คือ "สมบัติ บัญชาเมฆ" เป็นนักมวยไทยวัย 27 ปี ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในวงการมวยในทวีปยุโรปและประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในสังเวียนมวย K-1 ที่เขาเคยเป็นแชมป์ในปี พ.ศ.2547 และ พ.ศ.2549 อย่างไรก็ตาม บัวขาวเกือบจะได้แชมป์ K-1 ถึง 3 สมัยติดกันมาแล้ว แต่มาสะดุดในปี พ.ศ.2548 บัวขาวแพ้คะแนน แอนดี้ ซอเยอร์ ในนัดชิงชนะเลิศอย่างน่ากังขา

ทั้งนี้ มวย K-1 คือ มวยไทยที่ญี่ปุ่นนำไปเผยแพร่ เมื่อปี พ.ศ. 2537 โดยอาจารย์คาซูโยชิ อิชี่ (Kazuyoshi Ishii) เจ้าสำนักเซโดไคคังคาราเต้ ในประเทศญี่ปุ่น โดยประยุกต์เอาศิลปะการต่อสู้แขนงต่างๆ มาต่อสู้กัน และใช้กติกาเดียวกันกับมวยไทย คือ ห้ามใช้ศอกและโน้มคอตีเข่า ซึ่งมวย K-1 ได้ออกอากาศแพร่ภาพทางโทรทัศน์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2539

" มันก็คือมวยไทยนี่แหละ แต่พอดีญี่ปุ่นเขาหยิบสิทธิ์ไปใช้ ครั้งแรกที่ผมเข้าไปเขาห้ามแค่ศอกอย่างเดียว นอกนั้นยังใช้ได้หมด ที่ห้ามใช้ศอกเพราะมันเป็นวุธที่รุนแรงมาก เกิดพลาดไปมันอาจทำให้เสียโฉมได้ เพราะเขาต้องเซฟหน้าตานักมวยด้วย นักมวยมันต้องหล่อ ต้องดึงดูดใจแฟนมวยสาวๆ" บัวขาว กล่าว

สำหรับบันไดสู่เวทีมวยระดับโลกของบัวขาว เริ่มต้นเมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบ ที่บ้านเกิดจังหวัดสุรินทร์ บัวขาวฝึกมวยตั้งแต่ยังเด็กจนอายุ15 ปี ก็ตบเท้าเริ่มอาชีพมวยไทยกับสังกัด "ป.ประมุข" ของกำนันเก๊-ประมุข โรจนตัณฑ์ และเขาก็ไม่ทำให้เจ้าของค่ายมวยผิดหวัง สามารถคว้าเข็มขัดแชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอเวท, แชมป์ประเทศไทย ในรุ่นเฟเธอเวท และแชมป์ที่เวทีมวยสยามอ้อมน้อยอีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท นอกจากนั้น ยังเป็นแชมป์ประเทศไทย และแชมป์รายการอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก 





จากนั้นบัวขาวก็ได้มีโอกาสออกตระเวนทำศึกนอกสังเวียนไทย ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักและโด่งดังอย่างมากในต่างประเทศ จึงไม่แปลกอะไร ที่ ณ เวลานี้บัวขาวถูกจัดเป็นหนึ่งในนักกีฬาอาชีพไทยที่ทำรายได้สูงสุดคนหนึ่ง โดยมีรายได้ต่อปีเป็นตัวเลข 8 หลัก ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการชกมวยที่ต่างประเทศ และปัจจุบันเขามีสถิติการชกทั้งหมด 407 ครั้ง ชนะ 357 ครั้ง แพ้ 45 และเสมอ 5ครั้ง.... อิอิ สงสัยเพราะเก่งอย่างนี้นี่เอง จึงทำให้มีแฟนคลับสาวชาวแดนปลาดิบเพียบบบ...

"เวลาอยู่ ญี่ปุ่นผมแปลงโฉมตลอดเลยนะ คือ อากาศที่โน่นมันหนาวก็เลยต้องใส่ชุดหนาๆ ผมนี่ใส่ฮิพฮอพคลุมหน้าเลย แต่ถึงขนาดนั้นบางคนยังจำได้อีก เขาจะเริ่มมองแล้วค่อยๆ กรูเข้ามาหา บางรายคลั่งไคล้ถึงขนาดจัดทัวร์มานั่งดูการซ้อม มาเยี่ยมค่าย ดูความเป็นอยู่ของเรา พอซ้อมเสร็จผมก็มานั่งคุยกับเขา แล้วทีนี้เหงื่อมันออกมาก เขาก็จะเอาผ้ามาเช็ดแล้วก็เก็บเหงื่อปาดใส่กระป๋องน้ำไว้" บัวขาว เล่าถึงแฟนคลับของเขา

และ ในปีนี้ พ.ศ.2552 บัวขาวก็จะกลับมาถามหาบัลลังก์แชมป์มวย K-1 อีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา เขาก็ผ่านด่านการดวลหมัดรอบ 8 คนสุดท้ายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก หลังจากสามารถเอาชนะ นิคกี โฮลส์เกน คู่ปรับเก่าจากฮอลแลนด์ ไป 30 - 28 คะแนน ทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปพบกับ แอนดี ซาวเออร์ แชมป์ 2 สมัย ชาวฮอลแลนด์ โดยมีคิวฟาดหมัดกันในวันจันทร์ที่26 ตุลาคมนี้ ที่ประเทศญี่ปุ่น และหากชัยชนะอยู่ในมือของบัวขาว เขาก็จะต้องทำศึกรอบชิงชนะเลิศในวันเดียวกัน

และแน่นอนว่าในรอบชิงชนะเลิศที่ญี่ปุ่นนั้น เป็นที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ว่าศักดิ์ศรีแชมป์ 2 สมัยระหว่างนักชกไทยกับนักชกฮอลแลนด์ ใครจะแน่กว่ากัน เพราะทั้งคู่ต่างก็ต้องการชนะเพื่อจะได้เข้าไปชิงแชมป์สมัยที่ 3 ซึ่งถือเป็นแชมป์ประวัติศาสตร์ ... 

เอ้า! รู้อย่างนี้แล้ว พี่น้องชาวไทยก็อย่าลืมส่งกำลังไปเชียร์บัวขาวกันนะคะ

คลิป รายการ  
Thai Fight 




ขอขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย และ kapook

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แบดมินตัน


         น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2538 เป็นคนร้อยเอ็ดโดยกำเนิด โดย น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ เป็นลูกสาวของคุณพ่อวินัสชัย อินทนนท์ และคุณแม่คำผัน สุวรรณศาลา ปัจจุบัน น้องเมย์ รัชนก สังกัดโรงเรียนกีฬาแบดมินตันบ้านทองหยอด 

          เส้นทางสู้กีฬาแบดมินตันของน้องเมย์ รัชนก เริ่มต้นมาตั้งแต่วัยเพียง 5 ขวบ และเมื่ออายุ 7 ขวบ น้องเมย์ ก็ได้ลงแข่งขันแบดมินตันไปครั้งแรก แม้จะแพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่น้องเมย์ก็ฝึกฝนเรื่อยมา จนมาคว้าแชมป์ได้เป็นครั้งแรกในการแข่งขัน "อุดรธานีโอเพ่น" และจากนั้นเธอก็ครองแชมป์ในการแข่งขันมาโดยตลอด 

         ต้องยอมรับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องเมย์ ได้พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อย ๆ รวมทั้งพัฒนาการเล่นให้เหนียวแน่นขึ้น ประกอบกับเป็นคนใจสู้ อยู่ในระเบียบวินัย ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก จนทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา น้องเมย์สร้างชื่อเสียงให้กับวงการลูกขนไก่ไทยอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นนักกีฬาสำคัญของทีมชาติไทยเคียงข้างนักแบดมินตันรุ่นพี่คนอื่น ๆ 




          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าน้องเมย์จะอายุเพียง 17 ปีในขณะนั้น แต่ความสามารถของเธอไม่ได้น้อยตามอายุเลย เพราะสาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ครองแชมเปี้ยนแบดมินตันเยาวชนโลกถึง 3 สมัยซ้อน ซึ่งถือเป็นคนแรกของโลกที่สร้างประวัติศาสตร์ครองแชมป์เยาวชนโลกได้ 3 สมัยซ้อน หลังจากนั้นมา ชื่อเสียงของเธอก็เป็นที่รู้จักในวงการแบดมินตันโลก จนในปี พ.ศ.2552 ทางสหพันธ์แบดมินตันโลกก็มอบรางวัลนักแบดมินตันดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีให้กับน้องเมย์ และทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เส้นทางบนถนนนักตบลูกขนไก่ของน้องเมย์ยังอีกยาวไกลแน่นอน
           ส่วนในการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 26 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย น้องเมย์ก็ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง เมื่อรวมพลังกับทีมแบดมินตันหญิงไทยช่วยกันปราบคู่ต่อสู้จากอินโดนีเซีย คว้าเหรียญทองแบดมินตันประเภททีมหญิงมาครองได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นการคว้าเหรียญทองในประเภทนี้มาครองได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี สร้างความดีใจให้แฟน ๆ แบดมินตันชาวไทยเป็นอย่างมาก

          และนอกจากฝีมือที่ยอดเยี่ยมแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ กีฬาชาวไทยชื่นชมน้องเมย์เป็นอย่างมากก็คือ การมีสัมมาคารวะ เพราะทุกครั้งที่น้องเมย์ลงทำการแข่งขัน เธอจะไหว้ทุกคนรอบสนาม ทั้งผู้ชม กรรมการ คู่ต่อสู้ แม้กระทั่งพนักงานที่คอยเช็ดพื้นสนามแบดมินตัน กลายเป็นภาพความประทับใจที่ตรึงเข้าไปในจิตใจของผู้ที่พบเห็น และทำให้ทุกคนหลงรัก และเอ็นดูเด็กสาวคนนี้ไปโดยทันที  















         ขณะที่การแข่งขันโอลิมปิก เกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ น้องเมย์ก็สามารถทะลุได้ถึงรอบ 8 คนสุดท้าย ก่อนที่จะพ่ายให้กับหวัง ซิน มือ 2 ของโลกจากจีน ไปแบบประทับใจคนดู 1-2 เซต ซึ่งหลังจากจบเกมส์นี้ทำให้คนไทยหลายคนได้รู้จักน้องเมย์ รัชนกคนนี้มากขึ้น และติดตามผลงานของเธออยู่เรื่อยมา

          เข้าสู่ปี 2013 น้องเมย์ก็ยังคงพัฒนาฝีมือในการเล่นแบดมินตันอย่างต่อเนื่อง โดยในการแข่งขันรายการออลอิงแลนด์ และ สวิส โอเพ่น ซึ่งถือว่าเป็นรายการใหญ่ น้องเมย์สามารถคว้าตำแหน่งรองแชมป์ได้ทั้งสองรายการ ซึ่งสร้างความเสียดายแก่แฟนแบดมินตันชาวไทยเป็นอย่างมาก แต่ทุกคนก็ยังคงให้กำลังใจน้องเมย์ต่อไป และเชื่อว่าสักวันหนึ่งน้องเมย์จะทำได้สำเร็จ

          และน้องเมย์ก็ทำสำเร็จจริง ๆ ในการแข่งขัน อินเดีย ซูเปอร์ ซีรีส์ น้องเมย์ก็สามารถคว้าแชมป์ได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นการคว้าแชมป์ระดับซูเปอร์ซีรีส์ครั้งแรกอีกด้วย โดยเอาชนะ Pusarla Venkata Sindhu นักแบดมินตันจากอินเดียไปได้ และในช่วงนั้นเอง น้องเมย์ก็สามารถรั้งตำแหน่งนักแบดมินตัน มือ 3 ของโลก ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดในชีวิตอีกด้วย

         




          เมื่อได้ลิ้มรสความสำเร็จแรก ความสำเร็จต่อไปก็ตามมา ในเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน น้องเมย์ รัชนก ก็สามารถคว้าแชมป์แบดมินตันโลก ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยการเอาชนะนักแบดมินตัน มือ 1 ของโลก หลี่ เสวี่ยรุ่ย ได้เป็นผลสำเร็จ 2-1 เซต และการคว้าแชมป์ครั้งนี้ ทำให้น้องเมย์ รัชนก เป็นแชมป์โลกรายการนี้ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

          ความสำเร็จของน้องเมย์ รัชนก ในครั้งนี้ ก็กลายเป็นสิ่งที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริง ๆ